เมนู

ที่อาจถือเอาได้ด้วยการเดา ด้วยการคาดคะเน. บทว่า นิปุณํ แปลว่า
ละเอียด. บทว่า ปณฺฑิตเวทนียํ แปลว่า อันพวกบัณฑิตพึงรู้ได้. บท
ที่เหลือในที่ทุกแห่ง พึงทราบโดยทำนองที่กล่าวแล้วนั้นแล.
จบอรรถกถาฐานสูตรที่ 2

3. ภัททิยสูตร


ว่าด้วยไม่ควรเชื่อถือโดยอาการ 10 อย่าง


[193] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฎาคารศาลา
ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลี ครั้งนั้นแล ภัททิยลิจฉวีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมา
ดังนี้ว่า พระสมณโคดมทรงมีมายา ย่อมทรงรู้มายาเครื่องกลับใจสาวกของ
พวกอัญญเดียรถีย์ให้มานับถือ พวกเขาเหล่านั้นพากันกล่าวอย่างนี้ว่า พระ-
สมณโคดมทรงมีมายา ย่อมทรงรู้มายาเครื่องกลับใจสาวกของพวกอัญญเดียรถีย์
ให้มานับถือ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนเหล่านั้นเป็นอันกล่าวตามที่พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสแลหรือ ไม่ได้กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่เป็นจริง
ย่อมพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และการคล้อยตามวาทะอันชอบแก่เหตุ
ไร ๆ ย่อมไม่มาถึงฐานะอันควรติเตียนแลหรือ แท้จริง ข้าพระองค์ไม่ประสงค์
จะกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าเลย.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภัททิยะ ท่านจงมาเถิด ท่านทั้ง
หลายอย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา อย่าได้ถือโดยสืบต่อกันมา อย่าได้

ถือโดยตื่นข่าว อย่าได้ถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ถือโดยนึกเดาเอาเอง
อย่าได้ถือโดยคาดคะเน อย่าได้ถือโดยตรึกตามอาการ อย่าได้ถือ
โดยชอบใจว่าถูกกับลัทธิของตน อย่าได้ถือโดยเห็นว่าผู้พูดเป็นคน
ควรเชื่อได้ อย่าได้ถือโดยเชื่อว่าสมณะเป็นครูของเรา
ดูก่อนภัททิยะ
เมื่อใด ท่านพึงรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มี
โทษ ธรรมเหล่านี้อันวิญญูชนติเตียน ธรรมเหล่านี้อันบุคคลสมาทานให้
บริบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลเพื่อทุกข์ เมื่อนั้น ท่านทั้ง
หลายพึงละเสียเถิด ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะพึงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ความโลภเมื่อเกิดขึ้นภายในบุคคล ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อมิใช่
ประโยชน์ ?
ภัท. เพื่อมิใช่ประโยชน์ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ก็บุคคลผู้โลภมาก ถูกความโลภครอบงำย่ำยีจิต
ย่อมฆ่าสัตว์ก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ คบชู้ก็ได้ พูดเท็จก็ได้ ย่อมชักชวนผู้อื่น
เพื่อความเป็นอย่างนั้นก็ได้ ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์
ตลอดกาลนานหรือ ?
ภัต. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน โทสะ...
โมหะ...การแข็งดี เมื่อเกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์
หรือเพื่อมิใช่ประโยชน์
ภัต. เพื่อมิใช่ประโยชน์ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ บุคคลผู้แข่งดี ถูกความแข็งดีครอบงำย่ำยีจิต
ย่อมฆ่าสัตว์ก็ได้ ลักทรัพย์ก็ได้ คบชู้ก็ได้ พูดเท็จก็ได้ ชักชวนผู้อื่นเพื่อ
ความเป็นอย่างนั้นก็ได้ ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอด
กาลนานหรือ ?

ภัท. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ธรรมเหล่านี้
เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ?
ภัต. เป็นอกุศล พระเจ้าข้า.
พ. มีโทษหรือไม่มีโทษ ?
ภัท. มีโทษ พระเจ้าข้า.
พ. วิญญูชนติเตียนหรือวิญญูชนสรรเสริญ ?
ภัต วิญญูชนติเตียน พระเจ้าข้า.
พ. บุคคลสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อ
ทุกข์ หรือมิใช่ หรือว่าท่านมีความเห็นอย่างไรในข้อนี้.
ภัท. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมเหล่านี้ บุคคลสมาทานให้บริบูรณ์
แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ ข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้
ในข้อนี้พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ เราได้กล่าวคำใดกะท่านว่า ท่านทั้งหลายอย่าถือ
โดยฟังตามกันมา... เมื่อใด ท่านพึงรู้ได้ด้วยตนเองว่าธรรมเหล่านี้เป็น
อกุศล... ท่านทั้งหลายควรละเสียเถิด ดังนี้ คำนั้นเรากล่าวเพราะอาศัยข้อนี้
ดูก่อนภัททิยะ ท่านทั้งหลายอย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา.... เมื่อใด ท่าน
ทั้งหลายพึงรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ
ธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ ธรรมเหล่านี้บุคคลสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงเข้าถึงธรรม
เหล่านั้นอยู่เถิด ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความไม่
โลภเมื่อเกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์หรือเพื่อมิใช่
ประโยชน์ ?

ภัท. เพื่อประโยชน์ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ก็บุคคลผู้ไม่โลภนี้ ไม่ถูกความโลภครอบงำ
ย่ำยีจิต ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่พูดเท็จ และชักชวนผู้อื่น
เพื่อความเป็นอย่างนั้น ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอด
กาลนานหรือ ?
ภัท. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความไม่
โกรธ...ความไม่หลง. ..ความไม่แข่งดี เกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อม
เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?
ภัท. เพื่อประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ก็บุคคลผู้ไม่แข่งดีนี้ ไม่ถูกความแข็งดีครอบงำ
ย่ำยีจิต ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่พูดเท็จ และชักชวนผู้อื่น
เพื่อความเป็นอย่างนั้น ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอด
กาลนานหรือ ?
ภัท. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน ธรรมเหล่านี้
เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล ?
ภัท. เป็นกุศล พระเจ้าข้า.
พ. มีโทษหรือหาโทษมิได้ ?
ภัท. หาโทษมิได้ พระเจ้าข้า.
พ. วิญญูชนติเตียนหรือสรรเสริญ ?
ภัท. วิญญูชนสรรเสริญ พระเจ้าข้า.

พ. ธรรมเหล่านี้อันบุคคลสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขหรือมิใช่ หรือท่านมีความเห็นอย่างไรในข้อนี้.
ภัท. ธรรมเหล่านี้อันบุคคลสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข ข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้ในข้อนี้ พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภัททิยะ เราได้กล่าวคำใดกะท่านว่า ท่านทั้งหลายจงมาเถิด
ท่านทั้งหลายอย่าได้ถือฟังตามกันมา . .. ท่านทั้งหลายพึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น
อยู่เถิด ดังนี้ คำนั้นเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยข้อนี้ ดูก่อนภัททิยะ คนเหล่าใด
เป็นคนสงบเป็นสัตบุรุษ คนเหล่านั้นย่อมชักชวนสาวกอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญ
ท่านจงมา จงปราบปรามความโลภเสียเถิด เมื่อปราบปรามความโลภได้ จัก-
ไม่กระทำกรรมอันเกิดแต่ความโลภด้วยกายวาจาใจ จงปราบปรามความโกรธ
เสียเถิด เมื่อท่านปราบปรามความโกรธได้ จักไม่กระทำกรรมอันเกิดแต่
ความโกรธด้วยกาย วาจา ใจ จงปราบปรามความหลงเสียเถิด เมื่อปราบปราม
ความหลงได้ จักไม่กระทำกรรมอันเกิดแต่ความหลงด้วยกาย วาจา ใจ
จงปราบปรามความแข่งดีเสียเถิด เมื่อปราบปรามความแข่งดีได้ จักไม่กระทำ
กรรมอันเกิดแต่ความแข็งดีด้วยกาย วาจา ใจ.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภัททิยลิจฉวีได้กราบทูลพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสระตลอด
ชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
พ. ดูก่อนภัททิยะ ก็เราได้กล่าวชักชวนทานอย่างนี้ว่า ดูก่อนภัททิยะ
ขอท่านจงมาเป็นสาวกของเราเถิด เราจักเป็นศาสดาของท่าน ดังนี้ หรือ ?
ภัต. มิใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนภัททิยะ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งกล่าวตู่เราผู้มีปกติกล่าว
อย่างนี้ มีปกติบอกอย่างนี้ ด้วยคำอันไม่แน่นอน เป็นคำเปล่า คำเท็จ
คำไม่จริง ว่าพระสมณโคดมมีมายา รู้จักมายาเครื่องกลับใจสาวกของพวก
อัญญเดียรถีย์ให้นานับถือ.
ภัต. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มายาเครื่องกลับใจนี้ดีนัก งามนัก ถ้า
ญาติสาโลหิตอันเป็นที่รักของข้าพระองค์ พึงกลับใจมาด้วยมายาเป็นเครื่องกลับ
ใจชนิดนี้ ข้อนั้นจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข แก่บรรดาญาติ
สาโลหิตอันเป็นที่รักของข้าพระองค์ ตลอดกาลนาน ถ้าแม้กษัตริย์ทั้งปวงจะพึง
กลับใจมาด้วยมายาเป็นเครื่องกลับใจชนิดนี้ ข้อนั้นก็จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อสุข แก่กษัตริย์ทั้งปวงตลอดกาลนาน ถ้าพราหมณ์ทั้งปวง...
แพศย์...ศูทรทั้งปวงจะพึงกลับใจมาด้วยมายาเป็นเครื่องกลับใจชนิดนี้ ข้อนั้น
ก็จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข แก่ศูทรแม้ทั้งปวงตลอดกาลนาน.
ดูก่อนภัททิยะ คำที่ท่านกล่าวนี้เป็นอย่างนั้น ๆ ถ้าแม้กษัตริย์ทั้งปวง
พึงทรงกลับใจมาเพื่อละอกุศลธรรม บำเพ็ญกุศลธรรม ข้อนั้นก็จะพึงเป็นไป
เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข แก่กษัตริย์ทั้งปวงตลอดกาลนาน ถ้าแม้พราหมณ์
...แพศย์...ศูทรพึงกลับใจมาเพื่อละอกุศลธรรม บำเพ็ญกุศลธรรม ข้อนั้น
ก็พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข แก่ศูทรทั้งปวง ตลอดกาลนาน
ถ้าแม้โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์
เทวดาและมนุษย์ พึงกลับใจมาเพื่อละอกุศลธรรม บำเพ็ญกุศลธรรม ข้อนั้น
ก็พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขแก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
พรหมโลก แก่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ตลอดกาลนาน
ดูก่อนภัททิยะถ้าแม้พวกมหาศาลเหล่านี้ จะพึงกลับใจมาด้วยมายาเครื่องกลับใจ

นี้ เพื่อละอกุศลธรรม บำเพ็ญกุศลธรรม ข้อนั้น ก็จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อสุข แก่พวกมหาศาลเหล่านี้ตลอดกาลนาน ถ้ามหาศาลเหล่านี้
พึงตั้งใจ จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้ที่เป็นมนุษย์เล่า.
จบภัททิยสูตรที่ 3

อรรถกถาภัททิยสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในภัททิยสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า เจ้าภัททิยลิจฉวี ผู้บริโภคอาหารเช้า
เสร็จแล้ว ถือดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ เข้าไปเฝ้าด้วยคิดว่า เราจัก
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้. ในบทว่า มา อนุสฺลเวน เป็นอาทิ
พึงทราบเนื้อความโดยนัยนี้ว่า ท่านทั้งหลายอย่าถือคำของเราด้วยอำนาจการฟัง
ตามกันมา. บทว่า สารมฺโภ ได้แก่ ความคิดแข่งดีกันเป็นลักษณะแข่งกัน
เกินกว่าเหตุ. ธรรมมีอโลภะเป็นต้น พึงทราบโดยนัยที่ตรงกันข้ามกับความโลภ
เป็นต้น . บทว่า กุสลธมฺมูปสมฺปทาย ได้แก่ เพื่อบำเพ็ญกุศลธรรมให้
ถึงพร้อม ท่านอธิบายว่า เพื่อให้ได้กุศลธรรม. บทว่า อิเม เจปิ ภทฺทิย
มหาสาลา
ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงต้นสาละที่ยืนต้นอยู่
ข้างหน้า จึงตรัสอย่างนี้ . บทที่เหลือในสูตรนี้ พึงรู้ได้ง่ายเพราะมีนัยอันกล่าว
แล้วในหนหลัง และเพราะมีอรรถง่าย. แต่เมื่อพระศาสดาทรงยักเยื้องเทศนา
เจ้าภัททิยะก็เป็นโสดาบันบุคคลแล.
จบอรรถกถาภัททิยสูตรที่ 3